สุนันท์ ศรีจันทรา
บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นกลับมาสดใสอีกครั้ง ดัชนีหุ้นไต่ระดับขึ้นมายืนที่ 1,681 จุด เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา และนักลงทุนกำลังลุ้นว่ารอบนี้มีโอกาสพุ่งทะลุ 1,700 จุดอีกครั้ง
แม้สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนยังดำเนินต่อไป แต่การเจรจาที่มีความคืบหน้าอยู่บ้างถือเป็นปัจจัยบวกกับตลาดหุ้นทั่วโลก นอกจากนั้น ผลการประชุมคณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐฯ มีความชัดเจนแล้ว โดยขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ตามความคาดหมาย ทำให้นักลงทุนหมดกังวลในปัญหาการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ
ตลาดหุ้นเข้าสู่ยุคกระทิงดุ 2 วันติด ช่วงวันพุธและพฤหัสบดีที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นพุ่งขึ้นรวมกว่า 36 จุด โดยนักลงทุนต่างประเทศเข้ามาไล่ช้อนซื้อหุ้นฝุ่นตลบ วันละ 6-7 พันล้านบาท เปิดโอกาสให้นักลงทุนในประเทศเทขายทำกำไร โดยเฉพาะนักลงทุนรายย่อย
ต่างชาติไม่ได้สะทกสะท้านกับสงครามที่ยังดำเนินต่อไปแต่อย่างใด เงินทุนยังไหลทะลักกลับตลาดหุ้น โดยนับจากต้นปี ต่างชาติมียอดซื้อหุ้นสุทธิสะสมกว่า 9.75 หมื่นล้านบาท และปิดไตรมาสแรกปีนี้ต่างชาติอาจซื้อหุ้นทะลุ 1 แสนล้านบาท
การพุ่งทะยานอย่างร้อนแรงของตลาดหุ้นครั้งนี้เกิดจากนักลงทุนต่างประเทศที่อัดแรงซื้อเข้ามา โดยไล่เก็บหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า และหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มอื่น ซึ่งเป็นโอกาสดีที่นักลงทุนรายย่อยในการระบายหุ้นทำกำไรออกมาบ้าง
แม้ดัชนีจะดีดกลับแรง แต่หุ้นยังไม่ถือเป็นขาขึ้นเต็มตัว เพราะสงครามในยูเครนยังไม่สงบ และพร้อมจะส่งผลกระทบระลอกใหม่ โดยการเจรจาที่คิดว่ามีความคืบหน้าแต่ไม่คืบเท่าไหร่ ซึ่งการโจมตียูเครนยังดุเดือดต่อไป ดังนั้น นักลงทุนจะวางใจในสถานการณ์ไม่ได้
1,700 จุดแม้จะอยู่แค่เอื้อม แต่ถ้าสงครามไม่มีสัญญาณที่จะสงบ ดัชนีคงไม่ไปต่อ และอาจปรับตัวลงมาใหม่ แต่ถ้ามีสัญญาณว่าสงครามจบเมื่อไหร่ ตลาดหุ้นจะกลับเข้าสู่ยุคกระทิงเต็มตัว
ไม่รู้ว่าทำไมต่างชาติจึงลุยช้อนหุ้น ทั้งที่ต่างชาติน่าจะทยอยขาย ถอนเงินออก หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ ประกาศขึ้นดอกเบี้ย และดอกเบี้ยมีแนวโน้มขาขึ้น แต่ต่างชาติกับช้อนซื้อหุ้นหนัก เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะซื้อต่อเนื่องขนาดไหนเท่านั้น
นอกจากความเคลื่อนไหวในสถานการณ์ยูเครนที่นักลงทุนต้องจับตาแล้ว ความเคลื่อนไหวของต่างชาติเป็นอีกปัจจัยที่ต้องติดตาม เพราะถ้าต่างชาติหันมาขาย ตลาดอาจปรับฐานลง
ทิศทางหุ้นระยะสั้นยังมีความเสี่ยงจากสถานการณ์ยูเครนอยู่ ซึ่งดูเหมือนว่านักลงทุนรายย่อยจะประเมินถึงความเสี่ยงได้ดี จึงทยอยขายหุ้นทำกำไรออกต่อเนื่อง กลายเป็นผู้ขายรายใหญ่ ทำให้มีเงินสดในมือ พร้อมจะกลับเข้าช้อนซื้อหุ้นเมื่อเกิดการปรับฐาน
หุ้นฟื้นตัวเร็วและแรง ขึ้นมายืนเหนือ 1,680 จุดในพริบตา แต่แนวโน้มการขึ้นลงต่อจากนี้ต้องประเมินกันวันต่อวัน โดยสงครามยูเครนเป็นปัจจัยชี้นำที่สำคัญ
เมื่อตลาดหุ้นยังไม่นิ่ง สถานการณ์สงครามยังมีความไม่แน่นอน นักลงทุนควรยึดกลยุทธ์ชิงขายทำกำไรช่วงที่หุ้นพุ่งทะยานเหมือนกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา
หุ้นขึ้นอย่าคิดมาก อย่าเสียดายของ ชิงขายทำกำไรเพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวน
สัญญาณสงครามยูเครนจบเมื่อไหร่จึงปรับกลยุทธ์ เก็บหุ้นเก็บยาวๆ แต่ช่วงนี้ชิงจังหวะขาย โกยกำไรใส่กระเป๋าไว้ก่อน
อ้างอิง
https://m.mgronline.com/stockmarket